ค่าหีบห่อและนำส่งพัสดุ 50 บาทหรือEms. 100 บาท เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง:
http://www.1999.co.jp/10066896
เรือนากาโต ถูกสร้างขึ้นในปี 1917 และปล่อยลงน้ำในปี 1919 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1920 หลังจากนั้นได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ในปี 1936 โดยได้ถอดเตาถ่านหินออก,ติดตั้งเครื่องจกรใหม่ที่ใช้น้ำมันเตาแทน , เพิ่มเกราะและติดตั้งปืนต่อสู้อากาศยาน เป็นเรือประจัญบานที่ใหญ่ที่สุดของญีปุ่นอยู่ช่วงหนึ่ง ติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 16 นิ้วจำนวน 8 กระบอก (ทำให้เคยเป็นเรือที่ติดปืนใหญ่ที่สุดในโลก จนกระทั่งอเมริกาได้สร้างเรือที่ติดปืนขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน ) ชื่อนากาโต ได้จากชื่อจังหวัดหนึ่งของญี่ปุ่น มีเรือน้องชื่อ มุทสึ เรือนากาโต้ถูกใช้เป็นเรือธงของนายพลอิโซโรกุ ยามาโมโต้ ในระหว่างการเข้าโจมตีเพิวล์ ฮาร์เบ้อร์ หลังจากนั้นก็เข้าสมรภูมิอีกเพียงครั้งเดียวคือ การรบที่อ่าวเลย์เต เนื่องจากกองทัพเรือญี่ปุ่นต้องการสงวนไว้ใช้ในการป้องกันแผ่นดินแม่
ในการรบที่เพิวล์ ฮาร์เบ้อร์ เรือนากาโต้และเรือน้อยมุทสึ สังกัดในกองเรือที่ 1 โดยเรือนากาโต้ภายใต้การบังคับบัญชาของกัปตัน ยาโนะ ฮิเดโอะ ได้ถูกจัดให้เป็นเรือธงของนายพลอิโซโรกุ ยามาโมโต้ โดยในวันที่ 2 ธันวาคม ปี 1941 นายพลยามาโมโต้ได้ส่งรหัส นีทากะยามะโนะโบเระ 1208 ซึ่งหมายถึง ปีนเขานีทากะ ในวันที่ 12 เดือนสิงหาคม ตามเวลาของญีปุ่น จากที่เรือนากาโต้นี้ นั่นคือคำสั่งให้กองเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าโจมตีเพิวล์ฮาร์เบ้อร์และญี่ปุ่นได้เข้าสู่สงครามแปซิฟิค หลังจากนั้นในวันที่ 12 กพ.1942 นายพลยามาโมโต้ ก็ย้ายธงไปที่เรือประจัญบานลำใหม่กว่าที่พึ่งต่อเสร็จนั่นคือ เรือยามาโต้
ในการรบที่มิดเวย์ เรือนากาโต้ ถูกจัดให้อยู่ในขบวนเรือของนายพลยามาโมโต้ ร่วมกับเรืออื่นๆ ได้แก่ ยามาโต้,มุทสึ,โฮโช,เซนได,เรือพิฆาตเก้าลำและเรือช่วยรบอีก 4 ลำ แต่ไม่ได้เข้าร่วมในการรบ หลังการรบสิ้นสุดเธอได้นำผู้รอดชีวิตจากเรือคาก้ากลับสู่ญี่ปุ่น
ในปี 1943 ภายใต้การนำของกัปตันฮายาคาวะ มิคิโอะ เรือนากาโต้ทอดสมออยู่ที่ทรุคในหมู่เกาะแคโรไลน์ หลังจากนั้นในเดือนก.พ. 1944 เธอได้ย้ายไปประจำอยู่ที่ ลิงงะ ใกล้สิงคโปร์
ในการรบที่อ่าวเลย์เต เธอได้เข้าร่วมในปฏิบัติการ A-Go เพื่อเข้าโจมตีกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรที่หมู่เกาะมารีอาน่า และในการรบที่ทะเลฟิลิปปินส์เธอถูกโจมตีทางอากาศแต่ไม่ได้รับความเสียหาย ต่อมาในเดือนต.ค.ปีเดียวกัน ได้เข้าร่วมปฏิบัติการ Sho-1 เพื่อโจมตีสนามบินฝ่ายสัมพันธมิตรบนเกาะเลย์เต และในการรบที่ทะเลชิบูยันเธอถูกโจมตีหลายครั้งจากเครื่องบินดำทิ้งระเบิดของอเมริกัน โดยโดนลูกระเบิด 2 ลูกจากเครื่องบินของเรือบรรทุกเครื่องบิน แฟรงคลินและ คาบ๊อต ลูกแรกทำลายปืนจำนวนหนึ่งและท่อดูดอากาศของห้องหม้อน้ำหมายเลข 1 ทำให้ต้องหยุดใบจักรไป 1 ตัวเป็นเวลา 25 นาทีจนกระทั่งการโจมตีทางอากาศยุติ ลูกที่ 2 ถูกที่ห้องอาหารด้านหน้าห้องวิทยุทำให้ทหารเรือเสียชีวิต 52 คนและบาดเจ็บอีก 106 คน ในการรบที่ซามาร์เรือนากาโต้ได้ร่วมโจมตีเรือบรรทุกเครื่องบินคุ้มกันและเรือพิฆาตของอเมริกัน โดยได้ยิงปืนใหญ่ 16 นิ้ว ไปที่เรือเซ้นโล ซึ่งเป็นการยิงครั้งแรกของเธอต่อเรือข้าศึก แต่พลาด ต่อมาเรือพิฆาตอเมริกัน เฮอมาน ได้ยิงตอร์ปิโดไปที่เรือฮารูน่าแล้วพลาดแต่ลูกตอร์ปิโดได้พุ่งไปหาเรือยามาโต้และนากาโต้ เรือทั้งสองจึงต้องหันหัวเรือไปทางเหนือประมาณ 16 กิโลเมตร เพื่อหนีตอร์ปิโด จนกระทั่งตอร์ปิโดหมดเชื้อเพลิง หลังจากนั้นจึงหันหัวเรือกลับมาทำการรบใหม่เรือนากาโต้ยังคงระดมยิงด้วยปืนใหญ่ 16 นิ้วและ 5.5 นิ้วใส่เรือบรรทุกเครื่องบินอเมริกัน จนนายพลทาเคโอะ คุริตะได้สั่งยุติการยิงแล้วหันหัวเรือไปทางเหนือและกลับลงใต้อีกครั้ง แต่กองเรือได้รับความเสียหายจากการโจมตีทางอากาศจึงถูกสั่งให้ถอนกำลังในที่สุด เรือนากาโต้ซึ่งถูกระเบิด 2 ลูกแต่ความเสียหายไม่รุนแรง ทันทีที่ถอนตัว กองเรือญี่ปุ่นก็ถูกโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่อง เรือนากาโต้ถูกโจมตีจากเครื่องบินดำทิ้งระเบิดจากเรือฮอร์เนตอีก 4 ลูก ทำให้ลูกเรือเสียชีวติอีก 38 คนและ 105 คนได้รับบาดเจ็บ ตลอดวันที่ผ่านมาเธอยิงปืนใหญ่ 16 นิ้วไปทั้งหมด 99 ลูกและปืน 5.5 นิ้ว 653 ลูก
ในเดือนพฤศจิกายน ปี 1944 เรือนากาโต้เดินทางถึงญี่ปุ่น และได้รับการซ่อมที่โยโกสุกะ แต่เนื่องจากขาดแคลนทั้งเชื้อเพลิงและวัสดุ เธอจึงไม่สามารถนำกลับเข้าประจำการได้อีก ในเดือนกพ.ปี1945 เธอได้รับมอบหมายให้เป็นเรือป้องกันฝั่ง และในเดือนมิถุนายน ปีเดียวกัน ปืนรองและปืนต่อสู้อากาศยานถูกถอดออกหมด ในวันที่ 18 กค.1945 เธอถูกโจมตีทางอากาศจากเครื่องบินขับไล่ ,และเครื่องบินทิ้งระเบิด,ตอร์ปิโด จากเรือบรรทุกเครื่องบินเอสเส็ก ,แรนดอฟ,เบนนิงตั้น,แชงกรีบ่าและเบนลัววูด และถูกลูกระเบิด 3 ลูก ลูกหนึ่งทำลายสะพานเดินเรือ คร่าชีวิตนายทหารสั่งการและนายพลโอทสึกิ มิกิ
หลังสงคราม ญี่ปุ่นได้ยอมแพ้และเรือนากาโต้ก็เป็นเรือประจัญบานของญี่ปุ่นเพียงลำเดียวที่รอดจากสงคราม เธอจึงถูกทางอเมริกายึดไว้ จนในเดือนมีนาคม 1946 เธอถูกลากไปที่หมู่เกาะปะการังบิกินี เพื่อเป็นเรือเป้าในปฏิบัติการครอสโรดของทางอเมริกัน ในการทดสอบระเบิดปรมาณู ที่นี่คือการเดินทางเที่ยวสุดท้ายของเธอ เธอได้รับการซ่อมแซมเล็กน้อยเพื่อให้สามารถไปถึงที่ทดสอบเท่านั้น ในการทดสอบครั้งแรกวันที่ 1 มิ.ย.1946 ซึ่งเป็นการระเบิดในอากาศเรียก เอเบิว เธออยู่ห่างจากจุดกราวด์ซีโร่ประมาณ 1,640 หลาและไม่ได้รับความเสียหายมากนัก แต่ในการทดสอบครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการระเบิดใต้น้ำ เรียก เบคเก้อร์ ในวันที่ 25 ก.ค.1946 เธอได้รับความเสียหายมากและจมลมในอีก 5 วันต่อมา
ปัจจุบันธงของเรือนากาโต้ซึ่งถูกยึดไว้โดยกองทัพเรืออเมริกัน ได้กลายเป็นของเก่าล้ำค่าเมื่อถูกประมูลซื้อไปในราคา 10 ล้านเยนโดย โคอุจิ อิชิซากะ และได้บริจาคให้กับพิพิทธภัณฑ์เรือประจัญบานยามาโต้ที่คุเรเมืองฮิโรชิม่า ในเดือนกันยายน ปี 2006
|
|