ค่าหีบห่อและนำส่งพัสดุ 50 บาท หรือบริการพกง. 100 บาท(ค่าจัดส่งคิดจากน้ำหนัก หากโมเดลหลายกล่องรวมกันไม่เกิน 1 กก.คิด 50 บาทหรือพกง.100บาท หลังจากนั้นคิดอีกก.ก.ละ 15 บาท) ดูรายละเอียดเพิ่มเติม:
http://www.1999.co.jp/eng/10001172
เรือประจัญบานขนาดกระเป๋า กราฟสเป
เรือประจัญบาน แอดมิรัล กราฟสเป เป็นหนึ่งในเรือรบที่มีชื่อเสียงที่สุดเช่นเดียวกับเรือบิสมาร์ก ของกองทัพเรือเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้ว่าขนาดของเรือจะถูกจำกัดให้มีขนาดเท่ากับเรือลาดตระเวนเท่านั้นด้วยสนธิสัญญาสงบศึกแวร์ซาย แต่เรือลำนี้ก็สามารถติดตั้งปืนขนาดใหญ่ได้ด้วยนวัตกรรมและเทคนิคพิเศษในการลดน้ำหนักโครงสร้าง จึงถูกจัดให้เป็นเรือประจัญบานขนาดเล็ก โดยมีทั้งหมด 3 ลำ ได้แก่ลำแรกคือ เรือด๊อยท์สแลนด์(Deutshland) (ภายหลังเปลี่ยนเป็นลุทโซ(Lutzow)) ,ลำที่สองแอดมิรัลกราฟสเป (Admiral Graf Spe) และลำสุดท้ายแอดมิรัล สเชียร์(Admiral Scheer) นอกจากนี้เรือกราฟสเปยังเป็นเรือรบลำแรกของเยอรมันที่ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 8 เครื่อง ,ใช้เทคนิคการเชื่อมแทนการใช้รีเว็ต เพื่อลดน้ำหนัก และสามารถติดตั้งปืนขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมากเช่นเดียวกับเรือประจัญบานได้ โดยยังคงมีระวางขับน้ำไม่เกินข้อจำกัดของสนธิสัญญาแวร์ซายได้และยังเป็นเรือลำแรกในยุคนั้นที่ติดตั้งเรดาห์โดยเป็นแบบ Seetakt radar การติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลทำให้ต้องใช้น้ำมันที่มีคุณภาพสูงกว่าเครื่องจักรไอน้ำจึงต้องติดตั้งเครื่องแยกเชื้อเพลิงซึ่งใช้ไอน้ำแรงดันสูงจากห้องหม้อน้ำและเป็นเหตุให้ต้องเสียเรือในเวลาต่อมา
ในปี ค.ศ.1939 เรือกราฟสเปได้ถูกส่งไปปฏิบัติการในมหาสมุทรแอตแลนติกเพื่อล่าทำลายเรือสินค้า สามารถจมเรือสินค้าฝ่ายพันธมิตรได้ 9 ลำ ส่งผลทางอังกฤษโกรธแค้นและตอบโต้ด้วยการจัดทีมล่าสังหารประกอบด้วยเรือรบขนาดใหญ่เพื่อล่าทำลายเรือกราฟสเป ได้แก่ เรือประจัญบาน 3 ลำ ,เรือบรรทุกเครื่องบิน 4 ลำ , เรือลาดตระเวนประจัญบาน 2 ลำ , เรือลาดตระเวนอีก 16 ลำซึ่งในนี้มีเรือฝรั่งเศสอยู่หลายลำ ในที่สุดเรืออังกฤษ 3 ลำได้แก่ เรือลาดตระเวนติดปืน 8 นิ้ว คือ เรือเอ็กซเตอร์ (HMS Exeter) , และเรือลาดตระเวนเบาติดปืน 6 นิ้ว 2 ลำ คือ เรืออะแจ็ก (HMS Ajax) ,เรืออะชิวเลส (HMS Achilles ) ก็สามารถตรวจพบและโจมตีเรือกราฟสเปในเดือนธันวาคม ปี 1939 จึงทำให้เกิด ยุทธนาวีที่แม่น้ำเพลทขึ้น ( Battle of the River Plate) ส่งผลให้เรือเอ็กซเตอร์ได้รับความเสียหายอย่างหนักจนต้องออกจากการรบ และทำความเสียหายให้กับเรืออะชิวเลส แต่เรือกราฟสเปเองก็ได้รับความเสียหายที่ระบบแยกเชื้อเพลิงจากกระสุนปืนใหญ่ 8 นิ้วจากเรือเอ็กซเตอร์ที่ยิงเข้าที่ห้องหม้อน้ำ ทำให้ไม่สามารถจ่ายน้ำมันคุณภาพสูงให้กับเครื่องยนต์ดีเซลได้ จึงต้องเข้าทำการซ่อมที่อู่ชาติเป็นกลางในท่าเรือมอนเทวิดิโอ ประเทศอุรุกวัย แต่ก็ถูกกดดันให้ต้องออกจากท่าภายใน 72 ชม.ตามกฏหมายสากลซึ่งการซ่อมยังไม่เสร็จสิ้น แต่กัปตันเรือกราฟสเปเกรงว่ากองเรืออังกฤษจะปิดล้อมอยู่ที่ปากแม่น้ำอยู่แล้วและดักโจมตี โดยที่เรือกราฟสเปก็ไม่พร้อมที่จะสู้รบ เพื่อไม่เสี่ยงที่จะเสียชีวิตลูกเรือ จึงสั่งทำลายและจมเรือกราฟสเปจมลงที่ปากแม่น้ำเพลทนั่นเอง ซากเรือยังปรากฏพ้นน้ำอยู่ที่ปากแม่น้ำจนถึงทุกวันนี้
หลังจากที่เรือกราฟสเปถูกทำลายไป จึงมีการลดชั้นเรือที่เหลืออีก 2 ลำ จากเรือประจัญบานฉบับกระเป๋า (Pocket battleship) ไปเป็นเรือลาดตระเวนหนัก (Heavy Cruiser)
|