เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง:
http://www.luckymodel.com/scale.aspx?item_no=AC%201650 เมื่อสงครามภาคพื้นแปซิฟิคเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ.2484 เครื่องบินขับไล่แบบ เอ 6 เอ็ม ซีโร่ ของนาวีญีปุ่น ได้ประสบความสำเร็จในการครองเวหาเหนือกำลังทางอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตร แต่ความอหังการนี้กลับถูกท้าทายด้วยเครื่องบินแบบ เอฟ 4 เอฟ จำนวนไม่น้อยที่บินขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐอเมริกา เครื่องบินแบบนี้เป็นของบริษัทกรัมแมนอวิเอชั่น ที่ได้ผลิตแบบ จี-18 เครื่องต้นแบบ XF4F-2 ขึ้นบินครั้งแรกในเดือนกันยายน ปี พ.ศ.2481 ในการประเมินค่าครั้งแรกนั้นพบปัญหาอยู่หลายประการ จึงทำกองทัพเรือปฏิเสธโครงการ จี-18 แล้วเลือกเครื่อง Brewster F2A "Buffalo"แทน แต่ยังคงให้ทางกรัมแมนดำเนินโครงการต่อไปจนได้ผลออกมาเป็นโครงการ จี-36 ซึ่งได้บินครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ.2483 ผลการทดสอบ จี-36 ทำผลทดสอบได้ดีกว่าเครื่อง F2A ส่งผลให้ทางกองทัพเรืออเมริกันอนุมัติแบบให้ดำเนินการผลิตได้ภายใต้ชื้อ F4F-3 Wildcat ต่อมาอีก 2 ปีหลังจากเข้าประจำการ เมื่อสงครามภาคพื้นแปซิฟิคเริ่มเข้าสู่ขั้นวิกฤติ จึงได้รุ่นปรับปรุงออกมาคือ F4F-4 ซึ่งมีปีกที่พับได้ และปีกแต่ละข้างจะติดปืนกลอากาศขนาด 12.7 ม.ม. จำนวน 3 กระบอก รวมทั้งเครื่องยนต์ที่มีกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 แรงม้าอย่าง P&W R-1830-86 Twin Wasp Engine ส่งผลให้มีความเร็วสูงสุด 512 ก.ม./ช.ม. เป็นที่รู้กันว่าเครื่องบินกรัมแมนเป็นยอดทรหด เนื่องจากการออกแบบโครงสร้างที่แข็งแรงทำให้สามารถรองรับความเสียหายต่างๆ และยังสามารถพาตัวเองกลับบ้านได้ แม้ว่าเครื่อง F4F จะด้อยกว่าเครื่องบินซีโร่หลายๆ อย่าง แต่อัตราการสังหารที่สูงๆ กลับเป็นของนักบินไวด์แค็ท ซึ่งมักจะใช้จุดแข็งเหล่านี้เอาชนะจุดอ่อนและนักบินที่ขาดประสบการณ์ของซีโร่
|
|