ดูรายละเอียดเพิ่มเติม:
http://www.1999.co.jp/eng/10002306 ในเดือนเมษายน ปีพ.ศ.2482 (ค.ศ.1939) หลังจากเครื่องบินต้นแบบของซีโร่บินขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่นาน การปรับปรุงดัดแปลงก็ได้เริ่มต้นขึ้นในห้องออกแบบของมิตซูบิชิเพื่อที่จะรักษาความเหนือกว่าในการครองอากาศในสงครามแปซิฟิค หลังจากความเหนือชั้นของเครื่องบินซีโร่ต่อเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรในตอนเริ่มต้นสงครามก็เริ่มถูกดับรัศมีลงเมื่อเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ของอเมริกันได้ถูกผลิตออกมา ทำให้ทางมิตซูบิชิยากที่จะรักษาความเหนือกว่าไว้ได้ การปรากฏตัวของเครื่องบินแบบกรัมแมน F6F เฮลล์แคทและชานวอจท์ F-4 U คอร์แซร์ จึงจำเป็นต้องมีอำนาจการยิงที่สูงขึ้น ,เกราะป้องกันที่ดีขึ้นและความสามารถที่เพิ่มขึ้นนำให้เกิดความร่วมมือระหว่างบริษัทมิตซูบิชและนากาจิม่าในการผลิตเครื่องบินรุ่น A6M5 ขึ้น ในรุ่น ไทพ์ 52 นี้ถูกผลิตขึ้นทั้งหมด 10,449 ลำ เป็นการผลิตโดยนากาจิม่า 6,570 ลำ ได้เริ่มเข้าสู่การรบในเดือนสิงหาคม ปีพ.ศ.2486(ค.ศ.1943) เมื่อญี่ปุ่นต้องเริ่มถอนกำลังจากเกาะทางแปซิฟิคใต้ที่ยึดครองอยู่ เครื่องบินรุ่นไทพ์ 52c เป็นรุ่นสุดท้ายของตระกูล A6M5 และมีประสิทธิภาพในการต่อกรกับเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรมากที่สุด เนื่องจากได้รับการติดตั้งปืนกลอากาศ 13 ม.ม. ถึง 3 กระบอกและปืนใหญ่อากาศ 20 ม.ม. 2 กระบอก โดยถูกผลิตที่มิตซูบิชิ 93 ลำและที่นากาจิมาอีกไม่ทราบจำนวน อย่างไรก็ตามยังรุ่น ไทพ์ 52 และ 52b จำนวนหนึ่งถูกดัดแปลงในสนามเป็นรุ่น c การติดตั้งปืนกลอากาศ 13 ม.ม.ได้ติดตั้งทดแทนปืนกลขนาด 7.7 ม.ม.ที่ติดตั้งในลำตัวด้านหน้ามาแต่เดิมตั้งแต่รุ่นแรกๆ แต่ต่อมาได้พิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพน้อยในการรบครั้งหลังๆเนื่องจากไม่สามารถเจาะเข้าไปในเครื่องยนต์ได้ และเครื่องบินข้าศึกรุ่นหลังๆได้รับการติดตั้งเกราะและถังเชื้อเพลิงแบบอุดรอยรั่วเองได้ อย่างไรก็ตามปืน 13 ม.ม.แม้จะมีประสิทธิภาพมากกว่าแต่ก็มีน้ำหนักมากกว่าด้วยเช่นกัน ทำให้เมื่อถอดปืน 7.7 ออกจากฝาครอบเครื่องยนต์แล้วกลับสามารถติดตั้งปืน 13 ม.ม.ที่ด้านขวาได้เพียงกระบอกเดียว เท่านั้นและต้องขยายช่องปืนให้ใหญ่ขึ้นด้วย ทำให้เมื่อดูแล้วไม่สมดุลกันเมื่อมองจากทางด้านบน รหัสที่ฝ่ายพันธมิตรให้สำหรับเครื่องรุ่นนี้คือ เซเกะ เครื่องไทพ์ 52 c ใช้เครื่องยนต์ 14 กระบอกสูบ 2 แถวแบบ N1KF Sakae 21 ให้กำลัง 1,130 แรงม้า ซึ่งในรุ่นท้ายๆ จะติดตั้งระบบฉีดเมทานอล สำหรับเพิ่มกำลังในช่วงสั้นๆ นอกจากอาวุธปืน รุ่นไทพ์ 52 c ยังสามารถติดตั้งจรวด อากาศสู่อากาศหรือลูกระเบิดแตกอากาศ 30 ก.ก. ได้อีก 4 ลูกหรือลูกระเบิดอากาศสู่พื้นธรรมดาขนาด 60 ก.ก.ได้ 2 ลูก ในภารกิจสกัดกั้นเครื่องบินทิ้งระเบิด B-29 จะใช้จรวดหรือบินให้สูงกว่าแล้วทิ้งระเบิดขนาดเล็กใส่หมู่บิน โดยระเบิดจะถูกตั้งเวลาให้ระเบิดในอากาศหลายวินาทีหลังปลดออกจากตัวเครื่อง
|
|