header image
หน้าหลัก
เปิดกล่องโมเดล
ห้องโชว์ภาพโมเดล
ประวัติเรื่องราว
ห้องสมุดออนไลน์
ร้านค้าออนไลน์
ติดต่อเรา
บทความ
สินค้าแนะนำ
เรือยามาโต้
ขนาด 1/700 ของ Tamiya  ราคา  790  บาท  Click for details...

เครื่องบิน F4U-4B CORSAIR
ขนาด 1/48 ของ Academy  ราคา 320 บาท  Click for details...

รถถัง M41
ขนาด 1/35 ของ Tamiya  ราคา 420 บาท  Click for details...



เครื่องบินมิตซูบิชิ J2M3 ไรเดน
ขนาด 1/48 ของ Tamiya  ราคา 430 บาท  Click for details...

ค้นหา
มือใหม่หัดต่อโม..
เริ่มต้นกับโมเดล..รู้จักโมเดลไหม?
มาต่อโมเดลกันเถอะ !
ลำดับการเข้าชม
ผู้เยี่ยมชม: 925735
แนะนำเว็บลิงค์
PayanakModel.Net
TAMIYA
Trumpeter
Revell
ACADEMY
Airfix
Dragon
หน้าหลัก arrow History arrow ชีวิตและประวัติ "เสืออากาศ" ที่เด่นผงาดใน "อดีตสมรภูมิกลางเวหา"
ชีวิตและประวัติ "เสืออากาศ" ที่เด่นผงาดใน "อดีตสมรภูมิกลางเวหา"
27 ก.พ. 2009 01:04น.
Article Index
ชีวิตและประวัติ "เสืออากาศ" ที่เด่นผงาดใน "อดีตสมรภูมิกลางเวหา"
หน้า 2
หน้า 3

ตอน   อินทรีทรนง "ซูกิตะ"

Image

                เขาเป็นนักบินรบในกองทัพเรือของญี่ปุ่น ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่าง ญีปุ่น กับ สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ซึ่งในการสงครามครั้งนี้  ญี่ปุ่นเรียกว่า "สงครามมหาเอเชียบูรพา"  นักบินรบคนนี้มียศเพียงจ่าอากาศเท่านั้น  แต่เพราะความเก่งกาจของเขาในการรบ  กองทัพเรือจึงเลื่อนยศเขาเป็นนายเรืออากาศตรี  ซึ่งตามระเบียบของกองทัพไม่มีเช่นนั้น เพราะเขาไม่ได้ผ่านโรงเรียนการบินนายทหารสัญญาบัตรมาก่อน

                เขาคือ โชอิจิ ซูกีตะ  ยอดนักบินแห่งกองทัพเรือของกองทัพพระมหาจักรพรรดิ

                ซูกีตะ  ชอบเครื่องบินมาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กอยู่แล้ว เขาตั้งใจว่าเมื่อเขาโตขึ้นเขาต้องเป็นนักบินให้ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเขาเรียนจบมัธยมศึกษาเขาจึงมุ่งเข้าเรียนที่โรงเรียนการบินนาวีที่ ตูชิอูระ  โดยการสนับสนุนจากบิดาของเขา

                เขาเรียนสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนการบินนาวี  เขาถูกบรรจุเข้าเป็นนักบินขับไล่ประจำอยู่ที่ ทรูค ในประเทศฟิลิปปินส์   และที่นี่เองซูกีตะได้ประกาศศักดิ์ศรีของการเป็น "พญาอินทรี" ที่ผงาดเหนื้อฟ้าฟิลิปปินส์  และเหนือน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิคด้านตะวันออกไกล

                เขาทำสถิติทำลายเครื่องบินของสหรัฐกว่าร้อยลำ ขณะที่ประจำการอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ ขนเขาถูกขนานนามว่า   "พญาอินทรีแปซิฟิค"

                "ซูกีตะ  ทำการรบอย่างห้าวหาญ  เขาไม่คำนึงว่าเครื่องบินข้าศึกจะมีจำนวนมากกว่าเท่าไร และเขาจะเข้ารบอย่างติดพัน ยิงข้าศึกในระยะใกล้เขาใช้กระสุนไม่เปลืองเลย"

                เพื่อนนักบินมักจะพูดกันเช่นนี้ถ้าใครถามถึง โชอิจิ ซูกีตะ อย่างภาคภูมิใจ

                เมื่อซูกีตะเข้ามาประจำที่ทรูค ในฟิลิปปินส์ เขาใช้เครื่องบินซีโร่เป็นเครื่องบินประจำตัว ที่ข้างลำตัวบริเวณห้องนักบินมีภาพธงชาติของสหรัฐอเมริกาที่เขียนติดอยู่พราวไปหมดทั้งสองข้าง ซึ่งหมายความว่า เขาพิชิตเครื่องบินของสหรัฐลงเท่ากับจำนวนภาพธงเล็กๆ เหล่านั้น

                "ผมพบกับคอร์แซร์ (โจรสลัด ) เป็นประจำ ซึ่งขึ้นมาจากเรือบรรทุกเครื่องบินเพื่อมาโจมตีฟิลิปปินส์  ซึ่งมีฐานทัพทั้งกองทัพเรือและสนามบินของกองบินนาวีของเราหลายแห่ง  เพราะฉะนั้นวันไหนเครื่องบินของสหรัฐเข้ามาโจมตีก็มักจะมีผมร่วมเข้าขัดขวางด้วยทุกครั้ง"

                ซูกีตะทำสถิติยิงเครื่องบินคอร์แซร์ของสหรัฐตกในการรบโดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีได้ถึง 3 เครื่อง สถิติของเขาในวันนั้นเป็นที่เลื่องลือกันอย่างกว้างขวาง แม้กระทั่งบนเกาะญี่ปุ่น หนังสือพิมพ์ก็ลงกันอย่างครึกโครม เขาเป็นขวัญใจของประชาชนชาวอาทิตย์อุทัยไปเสียแล้ว

                "วันนั้น ผมจำได้ว่าเป็นเวลาเช้า ก่อนจะเป็นเวลาอาหารเช้าด้วยซ้ำไป สัญญาณภัยทางอากาศเปล่งเสียงโหยหวน และที่กองบังคับการได้รับวิทยุมา มีเครื่องบินจำนวนหนึ่งมุ่งตรงมาที่สนามบินของผม....."

                "ผมมันแปลกอยู่อย่าง เหมือนกับเป็นการรู้สึกอย่างหนึ่งของผมว่า ตราบใดถ้าหากผมยังประจำอยู่สนามบินไหนก็ตาม ผมจะไม่ยอมให้เครื่องบินข้าศึกบินเข้ามากดสนามบินของผมได้ และไม่ยอมที่จะให้มาบินอยู่เหนือหัวผมเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ผมเป็นต้องขึ้นสู้อย่างแน่นอน"

                ซูกีตะ นำเครื่องบินขับไล่ซีโร่ นำฝูงขึ้นไปก่อน โดยมีลูกฝูงของเขาตามขึ้นมาเป็นฝูงแรก แล้วมุ่งเข้าสวนเส้นทางของเครื่องบินข้าศึกทันที

                "เราพบกัน และเขาอยู่สูงกว่าเราประมาณหนึ่งพันฟุต ความจริงเขาก็มองเห็นแน่ เพราะทัศนวิสัยดีมาก ท้องฟ้าปลอดโปร่ง  แสงตะวันก็เพิ่งจะขึ้นมาแสงยังอ่อนเขาบินอยู่ทางทิศตะวันออกประมาณหนึ่งนาฬิกา นั่นย่อมหมายความว่า เส้นทางของเราเกือบจะตรงกันทีเดียว"

                ซีโร่  ที่มีเครื่องหมายวงกลมสีแดงรีบบินไต่ขึ้นทันทีเพื่อเขาหาฝูงบินคอร์แซร์  ประมาณ 50 เครื่อง  โดยที่ซีโร่มีเพียง 32 เครื่องเท่านั้น

                "ผมบินไต่ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว และให้สงสัยว่าทำไมคอร์แซร์เหล่านั้นที่ได้เปรียบโดยที่อยู่สูงกว่าและหันหลังให้ดวงอาทิตย์เสียด้วย แต่นักบินของอเมริกายังคงคุมฝูงบินเข้ารูปขบวนสามเหลี่ยมอย่างเหนียวแน่นไม่ยอมลงมาปะทะกับเราเลย  ผมวิทยุบอกลูกฝูงทุกคนให้เข้าโจมตีทางเบื้องหลัง  โดยบินขึ้นไปเหนือกว่าแล้วดำลงมาโจมตีเขาให้แยกออกจากกันให้ได้"

                "ผมนำเครื่องขึ้นไปอยู่เหนือเขาแล้วผมก็พลิกลำแบบ  อิมเมลมานน์  พุ่งเข้าหาข้าศึกทันที  ระยะเกือบเท่ากัน และใกล้พอสมควรทีเดียว ผมปราดเข้าหาเครื่องที่ปิดท้ายขบวนทางขวามือเพราะมันใกล้กว่าเพื่อน พอได้ระยะคอร์แซร์เครื่องนั้นเข้ามาเต็มศูนย์ ผมก็กดสวิทช์ลั่นไกทันที"

                ฝีมือยิงของ  พญาอินทรีแห่งฟิลิปปินส์  แม่นยำราวกับจับวาง  กระสุนปืนพรูออกไปจากปีกทั้งสองข้าง   มันเจาะไล่ไปตั้งแต่หลังห้องนักบิน  มองเห็นประทุนแตกกระจาย   ปีกข้างขวากระจุยที่โคนปีก   คอร์แซร์เครื่องนั้นพุ่งปราดไปเบื้องบนเหมือนจะหนี   แต่ไม่ใช่ความตั้งใจของนักบิน   เพราะเข้าใจว่านักบินสิ้นชีวิตเรพราะโดนกระสุนเข้าไปก่อนแล้ว อาการเกร็งจึงอาจทำให้ดึงคันบังคับเครื่องบินบินผาดโผนขึ้นไป   แล้วต่อมาปีกข้างขวาก็หลุดออกจากลำตัว   เท่านั้นเองคือกาลอวสานของเครื่องบินเครื่องนั้น  มันควงสว่านด้วยปีที่เหลือเพียงข้างเดียวมุ่งลงสู่พื้นดิน   ด้วยอาการอันประหลาด

                "เครื่องที่สอง   ปราดเข้ามาหาผม ผมมองเห็นรูปธงชาติของผมประดับอยู่ที่ข้างลำตัวของคอร์แซร์เครื่องนั้นถนัด   อา.... ผมเจอมือดีของอเมริกาเข้าแล้ว  อย่างน้อยรุปธงชาติอาทิตย์แดงจ้าอยู่นั้นเหมือนเป็นประกาศนียบัตรของเขาว่า  เขาสังหารนักบินเพื่อนร่วมชาตของผมไปหลายลำเหมือนกัน และเขาก็คงเห็นภาพธงชาติของเขาข้างลำตัวเครื่องบินของผม   เขาจึงดูอยากจะลองของกับผม ผมก็มีความต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน  เมื่อความต้องการตรงกันจึงไม่ยากที่เราจะปะทะกัน"

                ซีโร่  ที่มีพญาอินทรีทระนงเป็นผู้ขับขี่ ปราดใส่คอร์แซร์เครื่องนั้นอย่างไม่รอช้าให้เสียเวลามัจจุราชรอ เขาปล่อยกระสุนไปชุดหนึ่งขณะที่คอร์แซร์พลิกลำตัวหนีเพราะบินอยู่ข้างหน้า

                "กระสุนชุดนั้นจึงผิดเป้าหมายไป ผมพลิกตาม กอดตามไปติดๆ แล้วเขาก็ดำดิ่งลงเหมือนจะกลับขึ้นมาข้างหลังผม และมันเข้าควงสว่านในลักษณะเวอร์ติคอล โรลลิ่ง ซิสเซอรส์ ซึ่งมันเป็นอันตรายมาก ไม่ใช่จะเป็นเพราะจากกระสุนของข้าศึก  แต่มันอันตรายที่จะพุ่งลงมาชนพื้นระเบิดพังพินาศเท่านั้น การรบติดพันทำนองนี้ก็เหมือนวัดหัวใจกล้ากันว่าใครจะกล้าตายกว่ากันเพราะโอกาสที่เรารอปล่อยกระสุนสังหารก็ตอนข้าศึกปอดลอยเพราะกลัวเครื่องบินพุ่งชนพื้น   จึงเปลี่ยนเป็นบินขนานกับพื้นก่อน นั่นแหล่ะคือโอกาสที่เราจะกวดตามหลังแล้วซัลโวออกไปในระยะไม่ถึงห้าสิบเมตร  เขาก็แหลกไปเท่านั้นเอง"

                ซูกีตะ  กับนักบินของอเมริกาคนนั้น ควงเกลียวเครื่องบินม้วนตามกันราวกับเกลียวเชือก ต่ำลงมาทุกที จนมองรู้สึกว่าต่ำกว่าขอบฟ้า มองดูพื้นดินเขียวชอุ่ม มันวิ่งสวนขึ้นมาเร็วจนเวียนหัว



แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( 27 ก.พ. 2009 11:10น. )
ความเห็นของท่าน
ท่านซื้อโมเดลประกอบ เพื่อ
  
ท่านคิดอย่างไรกับตัวต่อเลโก้ของจีน
  
ท่านสนใจโมเดลประกอบเสร็จ ซึ่งปกติจะขายในราคาแพงกว่าหน้ากล่องอย่างน้อยเท่าตัวหรือไม่