หน้า 1 จาก 3 ตอน อินทรีทรนง "ซูกิตะ" เขาเป็นนักบินรบในกองทัพเรือของญี่ปุ่น ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่าง ญีปุ่น กับ สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ซึ่งในการสงครามครั้งนี้ ญี่ปุ่นเรียกว่า "สงครามมหาเอเชียบูรพา" นักบินรบคนนี้มียศเพียงจ่าอากาศเท่านั้น แต่เพราะความเก่งกาจของเขาในการรบ กองทัพเรือจึงเลื่อนยศเขาเป็นนายเรืออากาศตรี ซึ่งตามระเบียบของกองทัพไม่มีเช่นนั้น เพราะเขาไม่ได้ผ่านโรงเรียนการบินนายทหารสัญญาบัตรมาก่อน
เขาคือ โชอิจิ ซูกีตะ ยอดนักบินแห่งกองทัพเรือของกองทัพพระมหาจักรพรรดิ ซูกีตะ ชอบเครื่องบินมาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กอยู่แล้ว เขาตั้งใจว่าเมื่อเขาโตขึ้นเขาต้องเป็นนักบินให้ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเขาเรียนจบมัธยมศึกษาเขาจึงมุ่งเข้าเรียนที่โรงเรียนการบินนาวีที่ ตูชิอูระ โดยการสนับสนุนจากบิดาของเขา เขาเรียนสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนการบินนาวี เขาถูกบรรจุเข้าเป็นนักบินขับไล่ประจำอยู่ที่ ทรูค ในประเทศฟิลิปปินส์ และที่นี่เองซูกีตะได้ประกาศศักดิ์ศรีของการเป็น "พญาอินทรี" ที่ผงาดเหนื้อฟ้าฟิลิปปินส์ และเหนือน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิคด้านตะวันออกไกล เขาทำสถิติทำลายเครื่องบินของสหรัฐกว่าร้อยลำ ขณะที่ประจำการอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ ขนเขาถูกขนานนามว่า "พญาอินทรีแปซิฟิค" "ซูกีตะ ทำการรบอย่างห้าวหาญ เขาไม่คำนึงว่าเครื่องบินข้าศึกจะมีจำนวนมากกว่าเท่าไร และเขาจะเข้ารบอย่างติดพัน ยิงข้าศึกในระยะใกล้เขาใช้กระสุนไม่เปลืองเลย" เพื่อนนักบินมักจะพูดกันเช่นนี้ถ้าใครถามถึง โชอิจิ ซูกีตะ อย่างภาคภูมิใจ เมื่อซูกีตะเข้ามาประจำที่ทรูค ในฟิลิปปินส์ เขาใช้เครื่องบินซีโร่เป็นเครื่องบินประจำตัว ที่ข้างลำตัวบริเวณห้องนักบินมีภาพธงชาติของสหรัฐอเมริกาที่เขียนติดอยู่พราวไปหมดทั้งสองข้าง ซึ่งหมายความว่า เขาพิชิตเครื่องบินของสหรัฐลงเท่ากับจำนวนภาพธงเล็กๆ เหล่านั้น "ผมพบกับคอร์แซร์ (โจรสลัด ) เป็นประจำ ซึ่งขึ้นมาจากเรือบรรทุกเครื่องบินเพื่อมาโจมตีฟิลิปปินส์ ซึ่งมีฐานทัพทั้งกองทัพเรือและสนามบินของกองบินนาวีของเราหลายแห่ง เพราะฉะนั้นวันไหนเครื่องบินของสหรัฐเข้ามาโจมตีก็มักจะมีผมร่วมเข้าขัดขวางด้วยทุกครั้ง" ซูกีตะทำสถิติยิงเครื่องบินคอร์แซร์ของสหรัฐตกในการรบโดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีได้ถึง 3 เครื่อง สถิติของเขาในวันนั้นเป็นที่เลื่องลือกันอย่างกว้างขวาง แม้กระทั่งบนเกาะญี่ปุ่น หนังสือพิมพ์ก็ลงกันอย่างครึกโครม เขาเป็นขวัญใจของประชาชนชาวอาทิตย์อุทัยไปเสียแล้ว "วันนั้น ผมจำได้ว่าเป็นเวลาเช้า ก่อนจะเป็นเวลาอาหารเช้าด้วยซ้ำไป สัญญาณภัยทางอากาศเปล่งเสียงโหยหวน และที่กองบังคับการได้รับวิทยุมา มีเครื่องบินจำนวนหนึ่งมุ่งตรงมาที่สนามบินของผม....." "ผมมันแปลกอยู่อย่าง เหมือนกับเป็นการรู้สึกอย่างหนึ่งของผมว่า ตราบใดถ้าหากผมยังประจำอยู่สนามบินไหนก็ตาม ผมจะไม่ยอมให้เครื่องบินข้าศึกบินเข้ามากดสนามบินของผมได้ และไม่ยอมที่จะให้มาบินอยู่เหนือหัวผมเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ผมเป็นต้องขึ้นสู้อย่างแน่นอน" ซูกีตะ นำเครื่องบินขับไล่ซีโร่ นำฝูงขึ้นไปก่อน โดยมีลูกฝูงของเขาตามขึ้นมาเป็นฝูงแรก แล้วมุ่งเข้าสวนเส้นทางของเครื่องบินข้าศึกทันที "เราพบกัน และเขาอยู่สูงกว่าเราประมาณหนึ่งพันฟุต ความจริงเขาก็มองเห็นแน่ เพราะทัศนวิสัยดีมาก ท้องฟ้าปลอดโปร่ง แสงตะวันก็เพิ่งจะขึ้นมาแสงยังอ่อนเขาบินอยู่ทางทิศตะวันออกประมาณหนึ่งนาฬิกา นั่นย่อมหมายความว่า เส้นทางของเราเกือบจะตรงกันทีเดียว" ซีโร่ ที่มีเครื่องหมายวงกลมสีแดงรีบบินไต่ขึ้นทันทีเพื่อเขาหาฝูงบินคอร์แซร์ ประมาณ 50 เครื่อง โดยที่ซีโร่มีเพียง 32 เครื่องเท่านั้น "ผมบินไต่ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว และให้สงสัยว่าทำไมคอร์แซร์เหล่านั้นที่ได้เปรียบโดยที่อยู่สูงกว่าและหันหลังให้ดวงอาทิตย์เสียด้วย แต่นักบินของอเมริกายังคงคุมฝูงบินเข้ารูปขบวนสามเหลี่ยมอย่างเหนียวแน่นไม่ยอมลงมาปะทะกับเราเลย ผมวิทยุบอกลูกฝูงทุกคนให้เข้าโจมตีทางเบื้องหลัง โดยบินขึ้นไปเหนือกว่าแล้วดำลงมาโจมตีเขาให้แยกออกจากกันให้ได้" "ผมนำเครื่องขึ้นไปอยู่เหนือเขาแล้วผมก็พลิกลำแบบ อิมเมลมานน์ พุ่งเข้าหาข้าศึกทันที ระยะเกือบเท่ากัน และใกล้พอสมควรทีเดียว ผมปราดเข้าหาเครื่องที่ปิดท้ายขบวนทางขวามือเพราะมันใกล้กว่าเพื่อน พอได้ระยะคอร์แซร์เครื่องนั้นเข้ามาเต็มศูนย์ ผมก็กดสวิทช์ลั่นไกทันที" ฝีมือยิงของ พญาอินทรีแห่งฟิลิปปินส์ แม่นยำราวกับจับวาง กระสุนปืนพรูออกไปจากปีกทั้งสองข้าง มันเจาะไล่ไปตั้งแต่หลังห้องนักบิน มองเห็นประทุนแตกกระจาย ปีกข้างขวากระจุยที่โคนปีก คอร์แซร์เครื่องนั้นพุ่งปราดไปเบื้องบนเหมือนจะหนี แต่ไม่ใช่ความตั้งใจของนักบิน เพราะเข้าใจว่านักบินสิ้นชีวิตเรพราะโดนกระสุนเข้าไปก่อนแล้ว อาการเกร็งจึงอาจทำให้ดึงคันบังคับเครื่องบินบินผาดโผนขึ้นไป แล้วต่อมาปีกข้างขวาก็หลุดออกจากลำตัว เท่านั้นเองคือกาลอวสานของเครื่องบินเครื่องนั้น มันควงสว่านด้วยปีที่เหลือเพียงข้างเดียวมุ่งลงสู่พื้นดิน ด้วยอาการอันประหลาด "เครื่องที่สอง ปราดเข้ามาหาผม ผมมองเห็นรูปธงชาติของผมประดับอยู่ที่ข้างลำตัวของคอร์แซร์เครื่องนั้นถนัด อา.... ผมเจอมือดีของอเมริกาเข้าแล้ว อย่างน้อยรุปธงชาติอาทิตย์แดงจ้าอยู่นั้นเหมือนเป็นประกาศนียบัตรของเขาว่า เขาสังหารนักบินเพื่อนร่วมชาตของผมไปหลายลำเหมือนกัน และเขาก็คงเห็นภาพธงชาติของเขาข้างลำตัวเครื่องบินของผม เขาจึงดูอยากจะลองของกับผม ผมก็มีความต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน เมื่อความต้องการตรงกันจึงไม่ยากที่เราจะปะทะกัน" ซีโร่ ที่มีพญาอินทรีทระนงเป็นผู้ขับขี่ ปราดใส่คอร์แซร์เครื่องนั้นอย่างไม่รอช้าให้เสียเวลามัจจุราชรอ เขาปล่อยกระสุนไปชุดหนึ่งขณะที่คอร์แซร์พลิกลำตัวหนีเพราะบินอยู่ข้างหน้า "กระสุนชุดนั้นจึงผิดเป้าหมายไป ผมพลิกตาม กอดตามไปติดๆ แล้วเขาก็ดำดิ่งลงเหมือนจะกลับขึ้นมาข้างหลังผม และมันเข้าควงสว่านในลักษณะเวอร์ติคอล โรลลิ่ง ซิสเซอรส์ ซึ่งมันเป็นอันตรายมาก ไม่ใช่จะเป็นเพราะจากกระสุนของข้าศึก แต่มันอันตรายที่จะพุ่งลงมาชนพื้นระเบิดพังพินาศเท่านั้น การรบติดพันทำนองนี้ก็เหมือนวัดหัวใจกล้ากันว่าใครจะกล้าตายกว่ากันเพราะโอกาสที่เรารอปล่อยกระสุนสังหารก็ตอนข้าศึกปอดลอยเพราะกลัวเครื่องบินพุ่งชนพื้น จึงเปลี่ยนเป็นบินขนานกับพื้นก่อน นั่นแหล่ะคือโอกาสที่เราจะกวดตามหลังแล้วซัลโวออกไปในระยะไม่ถึงห้าสิบเมตร เขาก็แหลกไปเท่านั้นเอง" ซูกีตะ กับนักบินของอเมริกาคนนั้น ควงเกลียวเครื่องบินม้วนตามกันราวกับเกลียวเชือก ต่ำลงมาทุกที จนมองรู้สึกว่าต่ำกว่าขอบฟ้า มองดูพื้นดินเขียวชอุ่ม มันวิ่งสวนขึ้นมาเร็วจนเวียนหัว
|